วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไมโครซอฟท์เปิดตัว Windows 8 วันที่ 26 ตุลาคมนี้


หลังจากที่ Microsoft เปิดให้ทดลอง Windows 8 Consumer Preview สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และ Windows 8 Developer Preview ออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว ล่าสุดได้มีรายงานจากเว็บบล็อคของไมโครซอฟท์ ว่า สตีเวน ไซนอฟสกี ได้เตรียมเปิดตัวระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดของ วินโดวส์ 8 จะเริ่มปล่อยให้ผู้ใช้อัพเกรดวันที่ 26 ตุลาคม 2012 โดยเจ้าตัว Microsoft Windows 8 จะแยกออกเป็นสองส่วนด้วยกันคือ

- การอัพเกรดจากการใช้ระบบปฏิบัติการเดิมของไมโครซอฟท์ เดิมของ Microsoft ได้แก่ Windows 7, Windows Vista และ Windows XP สำหรับค่าอัพเกรดนั้นจะอยู่ที่ ราคา $39.99 หรือประมาณ 1,300 บาทไทย
- การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 8 ลงบนคอมพิวเตอร์ เครื่องใหม่ สำหรับราคาของตัวนี้จะมาพร้อมแผ่น DVD Windows 8 ในราคา $69.99 หรือประมาณ 2,200 บาทไทย
นับว่าทาง Microsoft ลดราคาเจ้าตัว Windows 8 ลงมาอย่างมากเมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น XP,Vista,7 ราคาค่อนข้างสูง ทำให้ผู้ใช้หลายคนหันไปมองของละเมิดลิขสิทธ์ ข่าวไอที




เหตุผล 4 ข้อ ที่ควรใช้ HTML5

จากที่เราทราบกันว่าโลกนี้มันมี HTML5 เกิดขึ้นแล้ว และองค์กรใหญ่ๆในโลกไอทีก็ต่างสนับสนุน HTML5 ไม่ว่าจะเป็น Apple, Google หรือแม้กระทั่ง Microsoft และ Adobe โดยเฉพาะสำหรับ Microsoft ที่กำลังพัฒนา Windows 8 ซึงเป็นแบบ Metro ใช้ HTML5 ในการพัฒนาแอพ ยิ่งทำให้ HTML5 นั้นมีความสำคัญขึ้นอีกมากเลยทีเดียว

นอกจากนี้ HTML5 ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของ SEO (Search Engine Optimization) ช่วยเรื่องของ Search ranking ให้ดีขึ้น และในเรื่องของการรองรับกับอุปกรณ์เช่น Mobile หรือ Tablet ได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลในการโหลดเว็บไซท์ได้ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้สำคัญมากในปัจจุบัน

ซึ่งตัว HTML5 เองนั้นก็ไม่ได้เป็น HTML Standard ที่มาตัวคนเดียวโดดๆซะเมื่อไหร่ เพราะ HTML5 นั้นได้มีการทำงานร่วมกันกับ CSS3 (Cascading Style Sheets), JavaScript, Multimedia Codecs, และ SVG (Scalable Vector Graphics) ซึ่งจะทำให้มาตรฐาน HTML ดูเปลี่ยนแปลงไปมากในแง่ของการนำเสนอด้าน Multimedia ซึ่งนั่นส่งผลกระทบถึง Flash แน่นอน : )

1. เรื่องความเร็วในการดาวน์โหลด โดยเฉพาะสำหรับ Mobile users
ในเรื่องของ Web Design เราจะเห็น Gradient กันเยอะ ที่ใช้เป็น Background Effect หรือใช้ไล่สีกับตัวอักษรหรือกับสิ่งอื่นๆที่แสดงบนเว็บ เมื่อก่อน สมัยก่อนที่ HTML5 จะมี เราจะเห็นรูปแบบของการใช้ Gradient ที่ใช้เป็นรูปภาพแทน ซึ่งจะต้องโหลดมากกว่าที่ใช้ CSS3 ตกแต่งเอาในปัจจุบันที่มี HTML5 แล้ว ซึ่งในปัจจุบัน Browser หลักรุ่นล่าสุดทุกตัวรองรับ CSS3 ในส่วนของ Gradient แล้ว ซึ่งช่วยได้มากในเรื่องของการโหลดข้อมูล จากที่โหลดรูปมาเป็นโหลด Text แทน ซึ่งหากจะเปรียบเทียบกับแบบดั้งเดิม การใช้ CSS3 ตกแต่ง Gradient จะใช้เพียงไม่กี่ร้อย Bytes แต่หากเป็น Image file แทนจะใช้ถึงพัน Bytes ซึ่งการโหลดมากน้อยนี่จะส่งผลกับพวก mobile เยอะครับ ทั้งค่าบริการที่ใช้ หากใครจ่ายเป็น Data รวมถึง Internet ทั่วๆไป แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือความเร็วครับ Data โหลดน้อยกว่า ก็เร็วกว่าครับ อีกทั้งยังสามารถควบคุมได้ง่ายกับหน้าจอหลากหลายขนาดด้วย ซึ่ง CSS3 จัดการได้หมด ในเรื่อง Responsive Design
สรุปของข้อนี้คือ การใช้ CSS3 มาแทนการใช้รูปภาพแบบดั้งเดิมโดยเฉพาะในส่วนของ Gradient ที่เป็นที่นิยมกัน ทำให้โหลดน้อยลง เร็วขึ้น ดูแลรักษาง่าย และ Port ใช้กับ Mobile ได้ง่ายขึ้น ส่วนสำหรับการจัดการแล้ว สะดวกมากสำหรับนักพัฒนาหรือโปรแกรมเมอร์ที่สามารถจัดการกับ Source Code ได้เลยโดยไม่ต้องพึ่งพา Graphic Designer หรือลดขั้นตอนการพัฒนาและการบำรุงรักษาได้มากขึ้นจากเมื่อก่อน เรื่องพื้นๆครับ แต่เห็นผลชัดเจน แค่เรื่องรูปภาพกับตัวหนังสือ

2. SEO ดีขึ้น
ต่อเนื่องจากเรื่อง CSS3 ที่ใช้การเขียน Code CSS แทนการใช้รูปภาพไปแล้ว จาก Code เราเห็นอะไร? เราเห็นความเป็น Semantic เราสามารถรู้ได้ว่า เว็บนี้มีสีสันเป็นอย่างไร ซึ่งนั่นก็สื่อความหมายแล้ว การที่ Text ต่างจาก Image file อย่างหนึ่งก็คือมันสามารถเข้ากับระบบ Source Code Control System (SCCS) ที่สามารถอ่านจากตัว Source Code ได้เลยซึ่งง่ายกว่าจากตัว Image file เนื่องจากสามารถเอามาแปลความหมายได้ง่ายกว่า อีกทั้งใน HTML5 ยังมี Tags ใหม่ๆมากมายที่ใช้สื่อความหมายสิ่งต่างๆที่อยู่บนเว็บ เช่น header, nav, section, aside, footer และอื่นๆ ซึ่งก็ช่วยให้สามารถอ่านได้ง่ายขึ้น มีความเป็น Semantic มากขึ้นกว่าเดิม ให้รู้ว่าส่วนไหนคืออะไร ทำหน้าที่อะไร

3. ความสามารถในเรื่องการสร้าง Animation, Graphics 2D, 3D บนเว็บ
จากที่เมื่อก่อนเราทราบกันดีว่า งานด้าน Multimedia การสร้าง Animation บนเว็บไซท์ หรือเล่น Video หรืออื่นๆที่เกี่ยวกับ Multimedia ไม่มีใครเกิน Flash จนแทบจะเรียกได้ว่า ยังไงก็โค่น Flash ไม่ลงเลยทีเดียว แต่ตอนนี้ HTML5 สามารถทำได้ ร่วมกับ SVG, CSS3 และ JavaScript ก็สามาถสร้าง Graphic Animation บนเว็บไซท์ได้เหมือนกัน หรือจะเป็นงาน Multimedia อื่นๆบนเว็บ ยกตัวอย่างการสร้างงานกราฟฟิกบนเว็บ จะสร้างใน Tag ชื่อ canvas ซึ่งสามารถสร้างได้ทั้งแบบ 2มิติ และ 3มิติ อีกทั้งปัจจุบันยังมี WebGL เข้ามาช่วยในเรื่องของสามมิติที่ทำงานบน canvas ของ HTML5 ทำให้เราทำอะไรได้อีกมากมาย สามารถเล่นเกมสามมิติบนเว็บได้ และอื่นๆอีกมากมาย สำหรับ Video ก็มี Tag คือ video และ audio มา ทำให้เราสามารถเล่นเพลงหรือเล่นวีดิโอบนเว็บได้โดยไม่ต้องพึ่ง Plugin Flash อีกต่อไป ถึงแม้ว่าปัจจุบันบางเบราว์เซอร์ยังไม่รองรับ Tags ที่เกี่ยวกับงานด้าน Multimedia มากนัก แต่ในอนาคตจะรองรับหมดแน่นอน อย่างน้อยที่สุด SVG ก็รองรับทั้งหมดกันทุกเบราว์เซอร์ซึ่งมีมานานแล้ว แต่หลังจากมี HTML5 เข้ามา มีลูกเล่นเพิ่มเติมขึ้นมามากมายที่เดียวสำหรับการเล่นกับสิ่งพวกนี้ ทั้ง CSS3 และ JavaScript เข้าไปเสริมเพิ่มเติมเข้าไป สนุกเลยครับ

4. ง่ายและสะดวกต่อการทำ Web Application โดยเฉพาะ Mobile Apps
จากคุณสมบัติของ HTML5 ที่ได้อ่านกันมาตั้งแต่ข้อแรก ทำให้เห็นว่ามันเหมาะสมกับทั้ง Web Application และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับ Mobile Apps ซึ่งก็สามารถ Build จากตัว HTML5 ได้เลย ซึ่งมี API หลายตัวที่รองรับเช่น PhoneGap, Sencha, jQuery Mobile และอื่นๆ หรือเราจะไม่ Build เป็น Native App ก็ย่อมได้ เนื่องจาก HTML5 ยังมีคุณสมบัติที่สามารถพัฒนาให้เป็นแบบ Responsive Design ได้ จากความสามารถของ CSS3 ซึ่งหากไม่เป็น Native App แล้วก็จะมีความได้เปรียบได้เรื่องของ Search Engine ที่จะหาเราเจอได้ เนื่องจากมันก็ยังมีคุณสมบัติเป็นเว็บอยู่ และสามารถเข้ากับ Mobile/Tablet ได้ อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้อง Install เข้าไปก่อนเลย และยังง่ายต่อการพัฒนามากกว่า คุณสมบัติอีกตัวหนึ่งของ HTML5 ก็คือ Offline Web Apps ซึ่งสามารถทำงานแบบ Offline ได้อีกด้วย

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Tips and Tricks


มิถุนายน

-2011-

ธันวาคม
วิธีสร้าง Windows 7 Theme
10 โปรแกรม Gadgets ที่น่าใช้งาน
พฤศจิกายน
ตุลาคม
เพิ่มความเร็วเน็ต โดยใช้ DNS ของ Comodo
วิธีการ On/Off Windows Firewall ของ Windows 7
กันยายน
5 วิธีง่ายๆที่จะช่วยลดและประหยัดพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ใน Windows 7
ใช้ เครื่องคิดเลข ท่องอินเตอร์เน็ต
วิธีการปิดเครื่อง shutdown วินโดวส์อย่างไวไม่เกิน 5 วินาที
วิธีแปลงไฟล์ PDF เป็น Microsoft Word
แก้เน็ต TOT ห่วยให้ Google Public DNS ช่วยได้
คีย์ลัดของ Firefox ที่ควรรู้
วิธีเช็คว่า คอมของคุณถูกเปิดใช้ตอนกี่โมงบ้าง
30 ทริคเล็กน้อยเกี่ยวกับคอมพ์

เรื่องน่ารู้

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

-2012-
กรกฎาคม
Windows RT คืออะไร ?
มิถุนายน
Top 10 Download Free Antivirus
มกราคม
25 รหัสผ่านบนเว็บที่คาดเดาง่ายที่สุด
-2011-

Windows RT คืออะไร ?

Windows RT คือระบบปฏิบัติการ Windows 8 สำหรับใช้กับซีพียู แบบ ARM หรือซีพียูสำหรับอุปกรณ์พกพาที่ใช้กันทั่วไปในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตสมัยนี้ นั่นหมายความว่า Windows RT คือระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพานั่นเอง ที่ไมโครซอฟต์หมายมั้นปั้นมือว่าจะนำ Windows RT มาใช้กับแท็บเล็ต
Windows RT แตกต่างจาก Windows 8 รุ่นปกติคือ จะตัดความสามารถทั่วไปด้าน Desktop ออกไป เหลือแต่ในโหมดของ Metro UI ซึ่งโปรแกรมหรือแอพที่จะใช้ได้ก็ต้องเป็นแอพที่รองรับ Metro UI เท่านั้น ไม่สามารถใช้แอพทั่วไปที่เราเคยใช้ใน Desktop ได้

โดย Windows RT นั้นจะไม่ขายแยกให้ผู้ใช้ทั่วไป แต่จะขายให้สำหรับผู้ผลิตเครื่องแท็บเล็ตเท่านั้น เวลาผู้ผลิตนำมาขายให้เราก็จะบวกค่าลิขสิทธิ์ของ Windows RT มาเป็นต้นทุนให้เราจ่ายนั่นเอง (ต่างกับแท็บเล็ต Android ที่ผู้ผลิตสามารถนำไปใช้ได้ฟรี ส่งผลให้มีต้นทุนต่ำ)
สาเหตุที่ไมโครซอฟต์ต้องแยก Windows RT และตัดฟีเจอร์ต่างๆ ออกมาจาก Windows 8 รุ่นปกตินั้น ก็เพราะว่าการจะพัฒนาระบบปฏิบัติการที่ใช้บนอุปกรณ์พกพา (บน ARM) ต้องปรับแต่งให้ตัวระบบปฏิบัติการกินไฟน้อยและทำงานน้อยลง โดยการตัดโหมดเดสทอปออกไป และใช้กับแอพพลิเคชั่นที่รองรับกับการพัฒนาบนสถาปัตยกรรม ARM อีกด้วย



ที่มา : http://www.9tana.com/node/windows-rt/

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีดูแลรักษา Inkjet Printer ให้อยู่กับเรานาน ๆ


Inkjet Printer ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปนั้น ทราบหรือไม่ว่ามีลักษณะของหัวพิมพ์ที่แตกต่างกันอยู่ 2 ประเภท คือ ประเภทที่มีหัวพิมพ์อยู่ที่ตัวเครื่อง เช่น Epson กับประเภทที่หัวพิมพ์อยู่ในตลับหมึก เช่น Hewlett Packard ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนี้มีวิธีดูแลรักษาที่ต่างกันด้วย มาดูเทคนิคกันครับ

1. ดูแลหัวพิมพ์ของ printer ให้สะอาดอยู่เสมอ
การเอาใจใส่เรื่องการรักษาความสะอาดหัวพิมพ์ของ printer เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยไม่ให้เกิดการอุดตันของหัวพิมพ์ได้ บ่อยครั้งที่มีน้ำหมึกบางส่วนตกค้างแล้วไหลไปจับกันเป็นคราบที่บริเวณส่วนปลายของหัวพิมพ์ แล้วทำให้ ออกอาการแปลก ๆ หรือสีเพื้ยน วิธีแก้ไขอย่างง่ายคือ นำตลับหมึกออกมาจากprinterแล้วค่อย ๆ เช็คดทำความสะอาดบริเวณหัวพิมพ์ด้วย cotton buds ห้ามใช้กระดาษชำระและแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด จากนั้น นำตลับหมึกใส่เข้าไปในช่องของ printer แล้วดึงออกมา การรักษาความสะอาดของหัวพิมพ์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้งานพิมพ์ให้ได้ปริมาณมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

2. ซื้อ Printer มาใช้ก็ใช้บ้าง
Printer ทุกตัวสามารถป้องกันปัญหางานพิมพ์ไม่ได้ดังใจด้วยการหมั่นใช้งานมันบ่อย ๆ หรืออย่างน้อยใช้ พิมพ์งานทั้งสีและขาว-ดำบ้าง เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้หมึกแห้งเป็นคราบติดอยู่ภายในท่อฉีดน้ำหมึก คำแนะนำคือ ควรเปิดเครื่อง printer สัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้หัวพิมพ์ฉีดหมึกใหม่เข้าไปไล่หมึกเก่า ป้องกันปัญหาการอุดตันของหมึก

3. การเก็บรักษา Printer เมื่อไม่ได้ใช้งาน
ควรมีผ้าคลุมกันฝุ่น printer ไว้เพื่อป้องกันฝุ่นละอองไม่ให้เข้ามาในกลไล สำหรับ printer ที่มีหัวพิมพ์อยู่ที่ตัวเครื่อง จะต้องมีตลับหมึกติดอยู่ในเครื่องเสมอ ถึงแม้จะมีหมึกอยู่ไม่ก็ตาม เพราะการนำตลับออกจะเป็นการเปิดให้อากาศเข้าไปทำให้ท่อทางเดินน้ำหมึกแห้ง ส่วนประเภทที่หัวพิมพ์อยู่ในตลับหมึก ให้นำตลับหมึกออกมาไว้ในถุง Zip-lock หรือถุงพลาสติกแล้วปิดป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไป

4. รักษาสุขภาพของ Printer ให้ดี
การหมั่นกำจัดเศษกระดาษและฝุ่นผงทั้งหลายด้วยการเป่าเศษผงและฝุนออกด้วยเครื่องเป่าลมธรรมดา ๆ (ไม่ใช่เครื่องเป่าผม) จะช่วยให้ Printer ของเราสามารถป้อนกระดาษได้อย่างไม่ติดขัด

5. อย่าให้หัวพิมพ์อุดตัน
หัวพิมพ์ประกอบด้วย nozzle ซึ่งเป็นท่อฉีดน้ำหมึก เมื่อเกิดการอุดตันจะทำงานพิมพ์ขาดความคมชัด หรือมีลายเส้น ๆ วิธีแก้ไขคือให้เรียกใช้โปรแกรมสำหรับตรวจสอบ และทำความสะอาดหัวพิมพ์ที่ติดตั้งมาพร้อมกับตอนที่เราติดตั้ง driver ซึ่งจะมีคำแนะนำขั้นตอนต่าง ๆ อยู่แล้ว

6. การทำความสะอาดลูกกลิ้งหมุนกระดาษ (Roller)
นำกระดาษหนา ๆ ที่สามารถซับน้ำได้ดี แล้วฉีดน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียให้หมาด ๆ แล้วป้อนเข้าไปใน printer และ feed กระดาษออกมา ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ 2-3 ครั้ง แล้วจึงใช้กระดาษธรรมดาป้อนเข้าไปและ feed ออกมาเพื่อซับลูกกลิ้งหมุนกระดาษให้แห้ง เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยล้างหมึกและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ได้แล้ว

7. ปิดเครื่องด้วย switch ของ printer ก่อนถอดปลั๊กไฟ
การปิดเครื่องด้วย switch ของ printer จะทำให้printerมีการทำความสะอาดหัวพิมพ์และเก็บตลับหมึกเข้าที่ก่อนตัดไฟเข้าเครื่อง จึงเป็นการทำให้ printer ถูกปิดลงอย่างถูกต้อง การถอดปลั๊กไฟหรือปิด switch ปลั๊กไฟโดยไม่ปิดด้วย switch ของ printer จะทำให้เสียได้ง่าย

8. หมั่น update driver และ software ของprinterอยู่เสมอ
เพราะ software (รวมไปถึง driver) ใหม่ ๆ จะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นจาก version ก่อน ๆ และในบางครั้งก็มี features ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอีกด้วย

9. ไม่ควรนำหมึกคุณภาพต่ำมาเติม
แน่นอนครับ ถึงจะพิมพ์งานออกมาได้จริง แต่จะทำให้ตลับหมึกอุดตันเร็วขึ้น และอาจทำให้หัวพิมพ์เสียหายอีกด้วย

10. ควรเปลี่ยนน้ำหมึก เมื่อมีการเตือนหมึกหมด
หลายคนยังฝืนที่จะพิมพ์ต่อ ถึงแม้ว่า driver ของ printer จะขึ้นเตือนว่าหมึกหมดแล้วก็ตาม กรณีหมึกสีหมด หากยังฝืนพิมพ์งาน ขาว-ดำต่อ แม้ว่าหมึกสีจะไม่ได้ใช้ แต่ความร้อนที่หัวพิมพ์ยังคงมีอยู่ ยิ่งเราฝืนพิมพ์ จะทำให้หัวพิมพ์มีความร้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้เครื่องพิมพ์เสียหายได้

Top 10 Download Free Antivirus


ใครกำลังมองหาฟรีโปรแกรมแอนตี้ไวรัส เชิญทางนี้ ! เพื่อให้ง่ายในการเลือกใช้โปรแกรมฟรี สำหรับการตรวจสอบ กำจัดไวรัส เรามีข้อมูลจากเว็บไซต์ Download.com ซึ่งเป็นของในนามบริษัท CBS Interactive Inc. หรือที่เรารู้จักกันในนาม cnet ข้อมูลนี้เราคัดเฉพาะเป็นฟรีโปรแกรมกำจัดไวรัส เท่านั้น ไม่รวมถึง ไฟล์ที่ใช้สำหรับการ update โปรแกรม anti-virus น่ะครับ



Top 10 Download Free Antivirus 

  1. AVG Antivirus Free Edition - อันดับหนึ่งมานานมาก !!
  2. Avast Home Edition - ตัวนี้ก็ลองใช้แล้ว น่าสนใจมากแค่ register ง่ายๆก็สามารถใช้งานได้ฟรี 1 ปี
  3. Avira AntiVir Personal Free Edition - ดี แต่มี pop up โฆษณา ขนาดใหญ่
  4. Panda Cloud Antivirus Free - น้องใหม่มาแรงสุดๆ
  5. PC Tools AntiVirus Free Edition - ใช้ได้ดีพอสมควร
  6. Microsoft Security Essentials - จากค่ายยักษ์ใหญ่ ไมโครซอร์ฟ
  7. A-squared Free
  8. ThreatFire AntiVirus Free Edition
  9. Avast Antivirus Cleaner Tool
  10. Multi Virus Cleaner 2008
ที่ว่า download มากๆ นั้นหมายถึง อยู่ในระดับ 100 ล้านครั้งเลยทีเดียว อย่างนี้ สำหรับคนชอบใช้ของฟรี คงช่วยได้มากเลย ใช่ไหมครับ

คำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกใช้ Free Antivirus

  1. ความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบได้จากจำนวนที่มีผู้ download
  2. ความรวดเร็วในการอัพเดท เนื่องจากไวรัสมีการอัปเดทตลอดเวลาเช่นกัน ดังนั้น โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีก็ควรอัพเดทอย่างสม่ำเสมอด้วย อย่างน้อย 1-2 วันครั้ง และน้อยที่สุดควรอัพเดทสัปดาห์ละครั้ง
  3. เลือกที่เป็น Freeware ไม่ใช่ Shareware เพราะ Freeware สามารถใช้งานได้ฟรี ไม่มีกำหนด
  4. โปรแกรมที่ดี ควรสามารถอัพเดทโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้อัตโนมัติ
  5. โปรแกรมที่ดี ควรสามารถสั่ง Scan แบบอัตโนมัติ หรือตั้งเวลา Scan ได้ด้วย
  6. และที่เป็นพื้นฐานที่ต้องมี ต้องสามารถ Scan และกำจัดไวรัสตัวใหม่ๆ ได้ด้วย
?

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

25 รหัสผ่านบนเว็บที่คาดเดาง่ายที่สุด



เดือนที่แล้ว Facebook ออกมายอมรับว่าแฮ็กเกอร์ทั้งหลายได้พยายามเข้าถึง User ใน Facebook แสนกว่ารายชื่อทุกๆวัน และในหนึ่งพันล้านล็อคอินทุกๆ 24 ชั่วโมง จะมี 6 แสนล็อคอินที่พยายามจะปลอมแปลงเป็นคนอื่น เพื่อเข้าถึงข้อความ รูป และข้อมูลของเป้าหมายอีก นี่คือรูปแบบที่แฮ็คเกอร์พยายามใช้จนเป็นพื้นฐาน
Graham Cluley ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีระดับสูงที่ Sophos บริษัทดูแลความปลอดภัยเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์บอกว่า นี่เป็นปัญหาใหญ่ นักท่องเน็ตควรให้ความสำคัญกับการตั้งรหัสมากขึ้น ทุกวันนี้มันไม่ได้ยากอะไรเลย ที่จะเข้าถึง Facebook ของคนอื่น เพราะ 30% ของคนออนไลน์มักใช้รหัสผ่านเดียวกันกับทุกๆ เว็บไซท์
Facebook กลายเป็นเว็บไซท์หลักของแฮ็คเกอร์ ผู้เล่นอินเทอร์เน็ทต้องทำให้มั่นใจว่ารหัสผ่านของอีเมล์ของธนาคารและเว็บไซ ท์ต่างๆ ที่ตนใช้นั้น มีความซับซ้อนเพียงพอเพื่อป้องกันการเข้าถึงของผู้ไม่หวังดีทั้งหลาย
Morgan Slain หัวหน้าผู้บริหารของ SplashData ออกมากระตุ้นให้ผู้บริโภคและบริษัทต่างๆ ที่ใช้รหัสผ่านที่คาดเดาง่ายนั้นต้องเปลี่ยนแปลงรหัสของทันที “แฮ็คเกอร์สามารถเจาะเข้าข้อมูลจำนวนมากได้ เพียงแค่ลองใช้รหัสผ่านพื้นฐานดู แม้ว่าหลายคนจะได้รับคำแนะนำเพื่อเลือกใช้พาสเวิร์ดที่คาดเดาได้ยาก แต่หลายคนก็เลือกที่จะตั้งรหัสง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ซึ้งเสี่ยงต่อการฉ้อโกงและโจรกรรม”


เคล็ดลับสำหรับการเลือกใช้พาสเวิร์ด

ใช้คำหรือตัวอักษรที่แตกต่างกันในพาสเวิร์ด เช่น ตัวอักษรผสมกับตัวเลข หรือตัวอักษรพิเศษที่ใช้กับเว็บนั้นได้
พาสเวิร์ดที่มีแปดคำขึ้นไป หรือคำที่แตกต่างกันหลายๆคำ แล้วพิมพ์ติดกันโดยไม่เว้นวรรคหรือมีขีด
อย่าใช้รหัสผ่านเดียวกับ Username และใช้รหัสผ่านเดียวกันทุกๆเว็บไซต์


25 รหัสผ่านที่ถูกคาดเดาได้ง่ายดายที่สุด

  • password
  • 123456
  • 12345678
  • qwerty
  • abc123
  • monkey
  • 1234567
  • letmein
  • trustno1
  • dragon
  • baseball
  • 111111
  • iloveyou
  • master
  • sunshine
  • ashley
  • bailey
  • passw0rd
  • shadow
  • 123123
  • 654321
  • superman
  • qazwsx
  • michael
  • football
“Password” กลายเป็นรหัสผ่านที่เดาง่ายที่สุดที่คนยังใช้กันอยู่มาก ซึ่งกลายเป็นความเสี่ยงให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงข้อมูลได้ รองลงมาคือ “123456” ซึ่งทำให้คาดเดาง่ายมาก เมื่อพยายามจะเข้าถึง e-mail หรือ facebook ของเป้าหมาย และมีรหัสผ่านอีกมากมาย ซึ่งจัดทำลิสต์รายชื่อทั้งหมดโดย SplashData โปรแกรมบริหารจัดการพาสเวิร์ดในประเทศอเมริกาได้แก่ “abc123” , “iloveyou” และ “monkey”

ที่มา - telegraph
http://www.i3.in.th/content/view/6960