วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีดูแลรักษา Inkjet Printer ให้อยู่กับเรานาน ๆ


Inkjet Printer ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปนั้น ทราบหรือไม่ว่ามีลักษณะของหัวพิมพ์ที่แตกต่างกันอยู่ 2 ประเภท คือ ประเภทที่มีหัวพิมพ์อยู่ที่ตัวเครื่อง เช่น Epson กับประเภทที่หัวพิมพ์อยู่ในตลับหมึก เช่น Hewlett Packard ซึ่งทั้ง 2 ประเภทนี้มีวิธีดูแลรักษาที่ต่างกันด้วย มาดูเทคนิคกันครับ

1. ดูแลหัวพิมพ์ของ printer ให้สะอาดอยู่เสมอ
การเอาใจใส่เรื่องการรักษาความสะอาดหัวพิมพ์ของ printer เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยไม่ให้เกิดการอุดตันของหัวพิมพ์ได้ บ่อยครั้งที่มีน้ำหมึกบางส่วนตกค้างแล้วไหลไปจับกันเป็นคราบที่บริเวณส่วนปลายของหัวพิมพ์ แล้วทำให้ ออกอาการแปลก ๆ หรือสีเพื้ยน วิธีแก้ไขอย่างง่ายคือ นำตลับหมึกออกมาจากprinterแล้วค่อย ๆ เช็คดทำความสะอาดบริเวณหัวพิมพ์ด้วย cotton buds ห้ามใช้กระดาษชำระและแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด จากนั้น นำตลับหมึกใส่เข้าไปในช่องของ printer แล้วดึงออกมา การรักษาความสะอาดของหัวพิมพ์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้งานพิมพ์ให้ได้ปริมาณมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

2. ซื้อ Printer มาใช้ก็ใช้บ้าง
Printer ทุกตัวสามารถป้องกันปัญหางานพิมพ์ไม่ได้ดังใจด้วยการหมั่นใช้งานมันบ่อย ๆ หรืออย่างน้อยใช้ พิมพ์งานทั้งสีและขาว-ดำบ้าง เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้หมึกแห้งเป็นคราบติดอยู่ภายในท่อฉีดน้ำหมึก คำแนะนำคือ ควรเปิดเครื่อง printer สัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้หัวพิมพ์ฉีดหมึกใหม่เข้าไปไล่หมึกเก่า ป้องกันปัญหาการอุดตันของหมึก

3. การเก็บรักษา Printer เมื่อไม่ได้ใช้งาน
ควรมีผ้าคลุมกันฝุ่น printer ไว้เพื่อป้องกันฝุ่นละอองไม่ให้เข้ามาในกลไล สำหรับ printer ที่มีหัวพิมพ์อยู่ที่ตัวเครื่อง จะต้องมีตลับหมึกติดอยู่ในเครื่องเสมอ ถึงแม้จะมีหมึกอยู่ไม่ก็ตาม เพราะการนำตลับออกจะเป็นการเปิดให้อากาศเข้าไปทำให้ท่อทางเดินน้ำหมึกแห้ง ส่วนประเภทที่หัวพิมพ์อยู่ในตลับหมึก ให้นำตลับหมึกออกมาไว้ในถุง Zip-lock หรือถุงพลาสติกแล้วปิดป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไป

4. รักษาสุขภาพของ Printer ให้ดี
การหมั่นกำจัดเศษกระดาษและฝุ่นผงทั้งหลายด้วยการเป่าเศษผงและฝุนออกด้วยเครื่องเป่าลมธรรมดา ๆ (ไม่ใช่เครื่องเป่าผม) จะช่วยให้ Printer ของเราสามารถป้อนกระดาษได้อย่างไม่ติดขัด

5. อย่าให้หัวพิมพ์อุดตัน
หัวพิมพ์ประกอบด้วย nozzle ซึ่งเป็นท่อฉีดน้ำหมึก เมื่อเกิดการอุดตันจะทำงานพิมพ์ขาดความคมชัด หรือมีลายเส้น ๆ วิธีแก้ไขคือให้เรียกใช้โปรแกรมสำหรับตรวจสอบ และทำความสะอาดหัวพิมพ์ที่ติดตั้งมาพร้อมกับตอนที่เราติดตั้ง driver ซึ่งจะมีคำแนะนำขั้นตอนต่าง ๆ อยู่แล้ว

6. การทำความสะอาดลูกกลิ้งหมุนกระดาษ (Roller)
นำกระดาษหนา ๆ ที่สามารถซับน้ำได้ดี แล้วฉีดน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียให้หมาด ๆ แล้วป้อนเข้าไปใน printer และ feed กระดาษออกมา ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ 2-3 ครั้ง แล้วจึงใช้กระดาษธรรมดาป้อนเข้าไปและ feed ออกมาเพื่อซับลูกกลิ้งหมุนกระดาษให้แห้ง เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยล้างหมึกและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ได้แล้ว

7. ปิดเครื่องด้วย switch ของ printer ก่อนถอดปลั๊กไฟ
การปิดเครื่องด้วย switch ของ printer จะทำให้printerมีการทำความสะอาดหัวพิมพ์และเก็บตลับหมึกเข้าที่ก่อนตัดไฟเข้าเครื่อง จึงเป็นการทำให้ printer ถูกปิดลงอย่างถูกต้อง การถอดปลั๊กไฟหรือปิด switch ปลั๊กไฟโดยไม่ปิดด้วย switch ของ printer จะทำให้เสียได้ง่าย

8. หมั่น update driver และ software ของprinterอยู่เสมอ
เพราะ software (รวมไปถึง driver) ใหม่ ๆ จะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นจาก version ก่อน ๆ และในบางครั้งก็มี features ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอีกด้วย

9. ไม่ควรนำหมึกคุณภาพต่ำมาเติม
แน่นอนครับ ถึงจะพิมพ์งานออกมาได้จริง แต่จะทำให้ตลับหมึกอุดตันเร็วขึ้น และอาจทำให้หัวพิมพ์เสียหายอีกด้วย

10. ควรเปลี่ยนน้ำหมึก เมื่อมีการเตือนหมึกหมด
หลายคนยังฝืนที่จะพิมพ์ต่อ ถึงแม้ว่า driver ของ printer จะขึ้นเตือนว่าหมึกหมดแล้วก็ตาม กรณีหมึกสีหมด หากยังฝืนพิมพ์งาน ขาว-ดำต่อ แม้ว่าหมึกสีจะไม่ได้ใช้ แต่ความร้อนที่หัวพิมพ์ยังคงมีอยู่ ยิ่งเราฝืนพิมพ์ จะทำให้หัวพิมพ์มีความร้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้เครื่องพิมพ์เสียหายได้

Top 10 Download Free Antivirus


ใครกำลังมองหาฟรีโปรแกรมแอนตี้ไวรัส เชิญทางนี้ ! เพื่อให้ง่ายในการเลือกใช้โปรแกรมฟรี สำหรับการตรวจสอบ กำจัดไวรัส เรามีข้อมูลจากเว็บไซต์ Download.com ซึ่งเป็นของในนามบริษัท CBS Interactive Inc. หรือที่เรารู้จักกันในนาม cnet ข้อมูลนี้เราคัดเฉพาะเป็นฟรีโปรแกรมกำจัดไวรัส เท่านั้น ไม่รวมถึง ไฟล์ที่ใช้สำหรับการ update โปรแกรม anti-virus น่ะครับ



Top 10 Download Free Antivirus 

  1. AVG Antivirus Free Edition - อันดับหนึ่งมานานมาก !!
  2. Avast Home Edition - ตัวนี้ก็ลองใช้แล้ว น่าสนใจมากแค่ register ง่ายๆก็สามารถใช้งานได้ฟรี 1 ปี
  3. Avira AntiVir Personal Free Edition - ดี แต่มี pop up โฆษณา ขนาดใหญ่
  4. Panda Cloud Antivirus Free - น้องใหม่มาแรงสุดๆ
  5. PC Tools AntiVirus Free Edition - ใช้ได้ดีพอสมควร
  6. Microsoft Security Essentials - จากค่ายยักษ์ใหญ่ ไมโครซอร์ฟ
  7. A-squared Free
  8. ThreatFire AntiVirus Free Edition
  9. Avast Antivirus Cleaner Tool
  10. Multi Virus Cleaner 2008
ที่ว่า download มากๆ นั้นหมายถึง อยู่ในระดับ 100 ล้านครั้งเลยทีเดียว อย่างนี้ สำหรับคนชอบใช้ของฟรี คงช่วยได้มากเลย ใช่ไหมครับ

คำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกใช้ Free Antivirus

  1. ความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบได้จากจำนวนที่มีผู้ download
  2. ความรวดเร็วในการอัพเดท เนื่องจากไวรัสมีการอัปเดทตลอดเวลาเช่นกัน ดังนั้น โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีก็ควรอัพเดทอย่างสม่ำเสมอด้วย อย่างน้อย 1-2 วันครั้ง และน้อยที่สุดควรอัพเดทสัปดาห์ละครั้ง
  3. เลือกที่เป็น Freeware ไม่ใช่ Shareware เพราะ Freeware สามารถใช้งานได้ฟรี ไม่มีกำหนด
  4. โปรแกรมที่ดี ควรสามารถอัพเดทโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้อัตโนมัติ
  5. โปรแกรมที่ดี ควรสามารถสั่ง Scan แบบอัตโนมัติ หรือตั้งเวลา Scan ได้ด้วย
  6. และที่เป็นพื้นฐานที่ต้องมี ต้องสามารถ Scan และกำจัดไวรัสตัวใหม่ๆ ได้ด้วย
?